ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า (Automated Driving)
แนวคิดในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า
สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่วนใหญ่มาจากความผิดพลาดของมนุษย์ ฮอนด้าจึงมุ่งมั่นคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเน้นให้ความสำคัญกับการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังต้องการสร้างความสุข และความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับทุกคน เพื่อให้ทุกคนในสังคมสามารถใช้ชีวิตประจำวันในการเดินทางได้อย่างปลอดภัย รวมถึงผู้สูงอายุ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า จึงมุ่งเน้นการมอบความสุขภายในห้องโดยสารที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว ตลอดการเดินทาง
สำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในการจราจรบนท้องถนนที่มีความซับซ้อนนั้น ต้องอาศัยการคำนวนความเสี่ยงที่มีความแม่นยำสูง เพื่อประเมินสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ล่วงหน้า และสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์เหล่านั้นได้ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า จึงให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ เพราะความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินทาง
ด้วยเหตุนี้ ฮอนด้าจึงได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ที่มีระบบช่วยการขับขี่ ภายใต้ชื่อ Honda Sensing และในอนาคต ฮอนด้าจะยังคงมุ่งมั่นต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยใน 4 ด้าน ได้แก่ ลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เพิ่มวิสัยทัศน์ให้กับผู้ขับขี่ หลีกเลี่ยงการเกิดอุบติเหตุ และลดภาระของผู้ขับขี่
การทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า ประกอบด้วยอุปกรณ์สำคัญในการประมวลผลและคำนวนข้อมูลต่างๆ ได้แก่
1. แผนที่ ECU จะรับแผนที่ที่มีความแม่นยำสูง และข้อมูลการจราจรจากเซิร์ฟเวอร์ ผ่านหน่วยโทรคมนาคม (Telecommunications Units) และระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลนี้ กับข้อมูลการระบุตำแหน่งจาก Multi-GNSS-ANT เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อการระบุตำแหน่งที่แม่นยำมากขึ้น
2. เซ็นเซอร์ 2 ระบบที่ทำงานประสานกัน ได้แก่ กล้องกับเรดาร์ และกล้องกับ LiDAR จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่งของวัตถุต่างๆ รวมถึงสิ่งกีดขวางบนท้องถนน ได้ดียิ่งขึ้น โดยมี ECU หลัก ประมวลผลรวมข้อมูลทั้งหมด แล้วจึงคำนวนหาเส้นทางการเดินรถที่เหมาะสมที่สุด ในระหว่างการขับเคลื่อนอัตโนมัติ กล้องจะจับที่ใบหน้าและสายตาของผู้ขับ และคำนวนผลร่วมกับเซ็นเซอร์ควบคุมแรงบิดที่อยู่บนพวงมาลัย โดยระบบจะประเมินและแจ้งข้อมูลการขับขี่ผ่าน HMI (Human Machine Interface) ซึ่งประกอบด้วย ระบบนำทาง มาตรวัดแบบ full-LCD ที่แสดงภาพเส้นทางที่อยู่ด้านหน้า และสัญญาณไฟแสดงสถานะที่อยู่บนพวงมาลัย
การใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติบนถนนทางหลวง (รถวิ่งด้วยความเร็วสูง)
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่รถสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงบนถนนทางหลวงนั้น ได้รับการพัฒนาให้มีระบบการควบคุมรถในหลายรูปแบบ อาทิ การบังคับพวงมาลัยเพื่อเข้าทางร่วม ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ การเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ และการเร่งแซงรถคันที่อยู่ข้างหน้า นอกจากนี้ ในช่วงการจราจรติดขัด ยังสามารถดูโทรทัศน์ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การขับขี่และสภาพแวดล้อม
การคำนึงถึงความปลอดภัยในระหว่างการเปลี่ยนจากระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมาเป็นการขับขี่แบบปกตินั้น เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยระบบจะทำการแจ้งเตือนผู้ขับด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ผู้ขับรับทราบอย่างแน่ชัดว่า ระบบกำลังเปลี่ยนรูปแบบการควบคุมการขับขี่ แต่ถ้าผู้ขับยังไม่ตอบสนองในการควบคุมรถด้วยตัวเอง ระบบจะแจ้งเตือนเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1. การแจ้งเตือนด้วยสัญลักษณ์ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์
2. การแจ้งเตือนด้วยระบบเสียง
3. การแจ้งเตือนด้วยการสัมผัสตัวผู้ขับ ผ่านการสั่นสะเทือนของเข็มขัดนิรภัย
การใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติบนถนนที่มีความซับซ้อน (รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ถนนในเมือง)
การใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติบนถนนทั่วไปนั้นมีความซับซ้อนมากกว่าบนถนนทางหลวง เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน อาทิ การขับรถสวนกันบนถนนที่ไม่มีเส้นแบ่งเลนตรงกลาง คนเดินเท้าขณะกำลังข้ามถนน รวมถึงเด็กที่อาจวิ่งลงมาบนนถนนด้วยความเร็ว เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ระบบจึงมีการประเมินและคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนตัวของผู้คนที่เดินไปมาบนนถนนที่อยู่ด้านหน้ารถได้อย่างแม่นยำว่าจะไปในทิศทางไหน จากนั้นระบบจึงเปลี่ยนทิศทางการเดินรถโดยอัตโนมัติเพื่อหลบเลี่ยงผู้คน ยานพาหนะ หรือวัตถุอื่นๆ ที่อยู่ด้านหน้าเหล่านั้น โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการประมวลผล
นอกจากนี้ การใช้กล้องตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้ารถแบบ Deep Learning นั้น ระบบสามารถจำแนกวัตถุที่อยู่ด้านหน้ารถได้ว่า เป็นคนเดินเท้า หรือเป็นยานพาหนะ รวมถึงสามารถระบุขอบถนนได้ แม้จะไม่มีเส้นขอบถนนสีขาว และยังสามารถใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในเวลากลางคืนที่วิสัยทัศน์การมองเห็นลดลงได้ด้วย เพื่อแสดงพื้นที่บนถนนที่รถสามารถวิ่งได้อย่างชัดเจน ดังนั้น เทคโนโลยี AI จึงมีส่วนสำคัญในการเรียนรู้ความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน ยิ่งเทคโนโลยี AI ได้เรียนรู้สถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆ และได้ประมวลผลเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้มากเท่าไร เทคโนโลยี AI จะยิ่งเพิ่มความสามารถในการประเมินความเสี่ยงและหลบเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ฮอนด้ามุ่งสร้างสังคมที่ปลอดอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความสุข และความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับทุกคน
ฮอนด้าจึงได้คิดค้นและพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติขึ้นมา โดยได้นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อการประมวลผลการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ และสร้างความมั่นใจในการใช้ระบบนี้มากยิ่งขึ้น